หลายๆคนคงอาจจะเคยได้ยิน หรือเคยเห็น “จิมจิลบัง” หรือ ออนเซ็นของคนเกาหลี กันมาบ้าง เป็นอีกหนึ่งในวิธีผ่อนคลาย และรักษาสุขภาพ ที่คนเกาหลีมักจะหาโอกาสไปใช้บริการ ทั้งนี้ก็เพื่อทำให้ร่างกายอบอุ่น ฟื้นฟูระบบไหลเวียนของเลือด ให้ร่างกายสดชื่นผ่านการแช่น้ำร้อน
มาในคราวนี้ ทีมงานจะไปเกาหลี จะพาไปดูมิติใหม่ของการดูแลสุขภาพ ไม่ค่อยคุ้นหูคุ้นตากันสักเท่าไหร่ แต่รับรองว่าช่วยเรื่องสุขภาพไม่แพ้กันกับการแช่น้ำร้อนเลย วันนี้เราจะพาเพื่อนๆมา แช่เอนไซม์รำข้าวร้อน กันค่ะ
ฟังดูแปลกหูใช่ไหมล่ะคะ ตามมันดูกันดีกว่ามันเป็นอย่างไร?
สถานที่ที่เราไปนั้นชื่อว่า 초록미소마을 (อ่านว่า โช-รก-มิ-โซ-มา-อึล) แปลว่า หมู่บ้านรอยยิ้มสีเขียว เป็นสถานที่ ที่เดิมเปิดให้บริการกับคนที่มีปัญหาสุขภาพ โดยเฉพาะเกี่ยวกับระบบหมุนเวียนเลือด หรือ สำหรับคนที่ต้องการบำรุงผิวพรรณ จากนั้นก็เริ่มโด่งดังมากขึ้น (ออกรายการโทรทัศน์หลายช่องเลยค่ะ) และขยายออกมาทำบริการให้บุคคลทั่วไปได้ใช้ด้วย!
สิ่งที่ทำให้หมู่บ้านนี้เป็นที่รู้จัก ก็คือ 쌀겨효소찜질 (ซัล กยอ ฮโย โซ จิม จิล) หรือ ‘การอบด้วยเอนไซม์รำข้าว’ รำข้าวนี้มีอุณหภูมิที่สูงถึง 60-70 องศาเซลเซียส อุณหภูมิที่สูงแบบนี้นั้นเป็นอุณหภูมิที่ถูกสร้างขึ้นจากธรรมชาติ ซึ่งมาจากเหล่าจุลินทรีย์ต่างๆในรำข้าว ระหว่างที่เหล่าจุลินทรีย์เจริญเติบโตและทำการเผาผลาญอาหารมันจะปล่อยความร้อนออกมาทำให้อุณภูมิสูงขึ้น และผลิตเอนไซม์จากกระบวนการเผาผลาญอาหารและแบ่งตัวของจุลินทรีย์นั่นเองค่ะ

เมื่อทำการเปลี่ยนเสื้อผ้าและใส่ผ้าโพกหัวเพื่อกันเลอะเสร็จแล้ว พนักงานจะเตรียมบริเวณที่เราจะนอนให้เรียบๆก่อน แล้วเราก็นอนลงไปอย่างนี้เลยค่ะ เขาจะตักรำข้าวขึ้นมาทับตัวเราเหมือนเวลาเล่นก่อกองทรายทับตัวเลย ความรู้สึกตอนโดนกองรำข้าวทับตัวตอนแรกก็คือ… ร้อน ร้อนมากค่ะ 55555 และก็หนักด้วยเพราะว่าเขาตักกลบจนมิดตัวขยับแทบไม่ได้เลย แต่ยิ่งขยับตัวจะยิ่งร้อนขึ้น เพราะฉะนั้นอยู่เฉยๆเป็นดีที่สุดค่ะ จากนั้นเขาจะจับเวลาให้เราอยู่แบบนี้ 15 นาทีเท่านั้น เพราะว่าหากถูกทับนานกว่านั้นอาจจะเป็นอันตรายเกินไปได้ค่ะ ระหว่างนอนก็ดูโทรทัศน์ข้างหน้าเพลินๆ พอเหงื่อเริ่มออกพี่พนักงานก็ช่วยมาซับเหงื่อให้ด้วยค่ะ
หลังจากครบ 15 นาทีแล้ว เราก็ลุกออกมาจากกองรำข้าว เขาจะมีบริการน้ำชาไว้ให้หนึ่งกระบอก เขาแนะนำว่าให้ดื่มเพื่อช่วยในเรื่องของการปรับสมดุลร่างกายหลังจากที่เสียเหงื่อกันไป จากนั้นถ้าใครอยากจะนอนพักต่อบนรำข้าว (โดยที่ไม่ได้ตักมาทับทั้งตัวเหมือนตอนแรก) ก็สามารถอยู่ต่อได้ 1-2 ชั่วโมงกันเลยค่ะ
จะเห็นได้ว่ามีผู้มาใช้บริการมากมาย อยู่เรื่อยๆเลย ช่วงที่ไปใช้บริการก็มีคุณลุงคุณป้าแวะเวียนเข้ามาใช้บริการตลอดเลยค่ะ มีโอกาสได้คุยกับคุณป้าคนนึง เขาบอกว่าเขามากันบ่อย เดือนละ 2-3 ครั้ง เพราะว่ามาทำแล้วรู้สึกร่างกายดีขึ้น สดชื่นขึ้นก็เลยมาเป็นประจำค่ะ โดยส่วนตัวหลังจากมาลองทำแล้วนั้นไม่ได้รู้สึกเปลี่ยนแปลงอะไรมาก แต่ช่วงที่นอนในรำข้าวร้อนๆก็รู้สึกดีอยู่เหมือนกันค่ะ
แต่ข้อควรระวังคือ หากรู้สึกว่าร้อนเกินไประหว่างทำต้องบอกพี่พนักงานนะคะ ไม่งั้นอาจเกิดอันตรายกับร่างกายได้ กรณีเราคือเรารู้สึกร้อนที่ขามากค่ะ แต่ทนไปก่อน ปรากฎว่าทำเสร็จแล้วขาแดงเป็นจ้ำๆและแสบๆด้วยค่ะ แต่ว่าผ่านไปหนึ่งวันก็หายเป็นปกติ
และแน่นอนว่าที่นี่มีบริการห้องอาบน้ำ พร้อมทั้งอุปกรณ์อาบน้ำ ผ้าขนหนู และไดร์เป่าผมเตรียมไว้ให้ได้ใช้กัน ไม่จำเป็นต้องเตรียมมาเองเลยค่ะ
ค่าบริการทั้งหมดอยู่ที่ คนละ 35,000 วอน ค่ะ
การจองเพื่อใช้บริการแช่เอนไซม์รำข้าว
เนื่องจากว่าโปรแกรมนี้ยังไม่ได้เปิดบริการสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นเรื่องเป็นราว เพื่อนๆคนไหนที่สนใจอาจจะต้องทำการจองเพื่อเข้าใช้บริการเป็นภาษาเกาหลีค่ะ ใครไม่สันทันเกาหลีอาจจะชวนเพื่อนคนเกาหลีไป หรืออดใจรอสักนิด เผื่อว่าจะมีโปรแกรมทัวร์ของหมู่บ้านสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ แน่นอนว่าถ้ามีอัพเดตเกี่ยวกับรายละเอียดเมื่อไหร่ เราจะมาอัพเดตให้ใน กลุ่มคนจะไปเกาหลี หรือบนแฟนเพจ จะไปเกาหลี (JapaiKorea.com) ค่ะ
สามารถเข้าไปดูหน้าตาโปรแกรมทั้งหมด และจองโปรแกรมบำรุงผิวได้ จากเว็บไซต์ของหมู่บ้านที่ http://www.misovillage.co.kr/inc_html/index.html สำหรับใครที่สันทัดภาษาเกาหลีนะคะ
พิกัด และการเดินทางไปหมู่บ้านรอยยิ้มสีเขียว
หน้าตาบริเวณทางเข้าของหมู่บ้านรอยยิ้มสีเขียว (초록미소마을)
พิกัด : 44-14 Sin1ri-gil, Oseong-myeon, Pyeongtaek, Gyeonggi-do
(경기도 평택시 오성면 신1리길 44-8)
แผนที่บน NAVER MAP : [NAVER MAP]
ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่ดีค่ะ ถ้าใครมีโอกาสอยากแนะนำให้ลองกันซักครั้งนะคะ~