หน้าแรก ท่องเที่ยวในเกาหลี Tips แนะนำการท่องเที่ยว รีวิว ทุกย่างก้าวจากสนามบินไทยจนแตะพื้นเกาหลี !

รีวิว ทุกย่างก้าวจากสนามบินไทยจนแตะพื้นเกาหลี !

85464
เที่ยวเกาหลี ครั้งแรก

สำหรับใครที่ประหม่ากับการเดินทางครั้งแรกในต่างประเทศ ก็ไว้ก่อนว่าให้สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วเตรียมความพร้อมให้เต็มที่ก่อนเดินทาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบทความนี้จะโชว์ให้ดูเลยว่านั่งเครื่องบินจากสนามบินที่ไทยมาแตะพื้นที่เกาหลี ผ่านตม.เกาหลี จนออกจากเกทมาได้ ต้องผ่านอะไรบ้าง

เริ่มต้นจากสนามบินประเทศไทย

ขั้นตอนจากประเทศไทย หลังจาก จองตั๋วโดยสาร (Boarding Pass) ผ่านเว็บไซต์ของสายการบิน หรือเอเจนซี่แล้ว สิ่งที่ควรทำก่อนเดินทางคือการตรวจสอบรายละเอียดในตั๋วโดยสาร ตั้งแต่อาหาร, น้ำหนักกระเป๋า (โหลดใต้เครื่องได้หรือเปล่า, โหลดได้กี่กิโล) และที่สำคัญคือเวลาเดินทางให้ดี ไฟลท์ที่ข้ามบินข้ามวันก็ต้องมาสนามบินตั้งแต่ก่อนเดินทางหนึ่งวัน รายละเอียดเล็กๆน้อยๆเหล่านี้แต่ก็มีหลายคนที่มักจะลืมกันเยอะถึงพลาดตกเครื่องเพราะจำวันเดินทางผิดกันก็มี

ตัวอย่างข้อมูลเกี่ยวกับกระเป๋าเดินทาง อย่างสายการบิน AirAsia X ที่ต้องซื้อน้ำหนักกระเป๋าเพิ่ม แต่สามารถพกสัมภาระไปกับตัวได้ 2 ชิ้น น้ำหนักรวมกัน ไม่เกิน 7 กิโลกรัม ที่มา : AirAsia

วันเดินทาง

เตรียมพาสปอร์ต, เอกสารการจองที่พัก และรายละเอียดในการเดินทางควรพกติดตัวไว้เสมอ ขั้นตอนจากสนามบินที่ไทยคือการ เช็คอิน (Check-in) โดยจะต้องไปที่เคาน์เตอร์ของสายการบินเพื่อเช็คอิน (ปกติไฟลท์ต่างประเทศเคาน์เตอร์จะเปิดให้บริการ 3 ชม.ก่อนเครื่องออก และปิด 1 ชม.ก่อนเครื่องออก)

เคาน์เตอร์เช็คอิน และ ช่องทางสำหรับผู้ที่เช็คอินออนไลน์ผ่านเว็บไซต์สายการบินมาแล้วสามารถไปยังช่อง Baggage drop & Document check ได้เลยทันที (ประหยัดเวลาได้มากถ้าเช็คอินมาก่อน)

เจ้าหน้าที่จะกรอกข้อมูลส่วนตัวที่อยู่บนพาสปอร์ต และทำการชั่งน้ำหนักกระเป๋า, โหลดกระเป๋า กระเป๋าที่ถือขึ้นเครื่องปกติจะต้องมีน้ำหนักไม่เกิน 7-10 กก. (แล้วแต่สายการบินกำหนด) กระเป๋าถือขึ้นเครื่องนี้ไม่มีค่าใช้จ่าย แต่ข้อจำกัดคือไม่สามารถพกของเหลวที่มีขนาดเกินกว่า 100 มล. ได้

กระเป๋าถือขึ้นเครื่อง เราจะเรียกว่า “Carry-on luggage” ส่วนกระเป๋าเดินทางที่เราโหลดใต้ท้องเครื่อง จะเรียกว่า “Checked baggage” หรือภาษาไทยเรียก “สัมภาระเช็คอิน” ซึ่งน้ำหนักจะขึ้นอยู่กับประเภทตั๋วเครื่องบินที่เราซื้อ ต้องเช็คให้ดีว่าน้ำหนักกระเป๋าให้เท่าไหร่ เพราะถ้าน้ำหนักเกินหรือไม่ได้ซื้อน้ำหนักกระเป๋าเอาไว้ การไปซื้อเพิ่มที่หน้าเคาน์เตอร์เลยจะมีค่าใช้จ่ายสูง

เมื่อเช็คอิน – โหลดกระเป๋า เสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้เดินมาที่ ด่านตรวจค้น (Security check) ขั้นตอนนี้ก็จะต้องนำของติดตัว สร้อยคอ กระเป๋าต่างๆ วางใส่ตะกร้าเอาไว้ และสำหรับใครที่พกแลปทอป หรือคอมพิวเตอร์ก็จะต้องนำออกมาวางแยกไว้ด้วย เมื่อผ่านขั้นตอนนี้ สำรวจสัมภาระว่านำสิ่งของต่างๆมาครบถ้วน ก่อนที่จะเดินไปยังประตู (Gate) ที่ระบุไว้บนบัตรโดยสาร

ระหว่างนี้เราก็สามารถใช้เวลาระหว่างรอเครื่องขึ้นช็อปปิ้งใน ร้านค้าปลอดภาษี (Duty free shop) หรือหากใครใช้บริการบัตรเครดิตของธนาคารไหน เช็คสิทธิ์ของคุณให้ดี เพราะคุณอาจจะได้สิทธิในการใช้เลานจ์ (ห้องรับรอง) เพื่อเข้าไปพักผ่อน รับประทานอาหารได้ระหว่างรอเครื่องอีก ไม่ว่าจะทำอะไรก็ควรจะเช็คเวลาอยู่ตลอดเวลาด้วย

เมื่อถึงเวลาขึ้นเครื่องแล้ว ให้ฟังพนักงานหรือตามเสียงประกาศขึ้นเครื่อง จะระบุเอาไว้ว่าผู้โดยสารประเภทไหนและแถวใดที่ได้ขึ้นก่อน ขึ้นไปหาที่นั่งให้ถูกต้อง ก็จะมีคำศัพท์ภาษาอังกฤษเกี่ยวกับที่นั่งที่ควรรู้

AISLE (อ่านว่า ไอ-เอิ้ล) คือ ที่นั่งติดกับทางเดิน
MIDDLE คือ ตรงกลาง และ WINDOW คือ ติดหน้าต่าง

ส่วนสำคัญอื่นๆ และพึงปฏิบัติบนเครื่องบินนั้น… โปรดให้ผู้โดยสารให้ความสนใจรับฟังจากบนเครื่องได้เลย

คำแนะนำ : ควรพกปากกาติดตัวไปด้วย เพื่อที่จะได้เตรียมกรอกใบเข้าเมือง (Arrival card) ซึ่งจะต้องใช้ยื่นเมื่อถึงเกาหลีแล้ว เพื่อความสะดวกรวดเร็วควรเขียนตั้งแต่อยู่บนเครื่อง

ก่อนถึงสนามบินปลายทาง

ควรเช็คเอกสารให้เรียบร้อยอีกครั้ง เอกสารสำคัญที่ต้องยื่นเมื่อถึงเกาหลีมี 2 ชุด คือ บัตรขาเข้า (Arrival card) ระบุรายละเอียดเกี่ยวกับตัวเราและสถานที่พัก วัตถุประสงค์ในการเดินทางมาเกาหลี และ เอกสารศุลกากร (Custom Declaration Form) ที่ระบุว่าเราไม่ได้นำสิ่งของผิดกฏหมายหรือเกินขนาดเพื่อการค้ามาด้วย

ตัวอย่างในบัตรขาเข้า (ฉบับอัพเดตล่าสุด 2017) สำคัญคือการระบุที่พักให้ชัดเจน
ตัวอย่างใบศุลกากร

กรอกเอกสารให้เรียบร้อยและครบถ้วน และเมื่อถึงสนามบินปลายทาง (อินชอน) แล้ว ออกมาจากเครื่องก็จะเห็นจอต้อนรับ แสดงข้อมูลหมายเลขสายพานลำเลียงกระเป๋า ซึ่งถ้าหากไม่ได้เช็คตรงนี้จะมีป้ายบอกอีกครั้งหลังจากผ่านตม.มาแล้ว

ถึงสนามบินปลายทาง

ตามป้ายที่เขียนว่า “Arrival” (เข้าเมือง) หรือ “Baggage claim” (รับกระเป๋า) มาเรื่อยๆ

เดินมาจนถึงจุดตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) แต่สำหรับบางสายการบินอาจจะต้องนั่งรถไฟ (Shuttle train) ต่อเข้ามาอีก ซึ่งให้ไปต่อแถวรอรถไฟ โดยรถไฟจะมาทุกๆ 5 นาที นั่งไปให้สุดป้ายเลย

จุดขึ้นรถไฟ (Shuttle Train)

ด่านตม. ตรวจคนเข้าเมืองเกาหลี

เดินมาเรื่อยๆจนเห็นแถว ชาวต่างชาติอย่างเราๆก็ให้เดินเข้าไปต่อแถวในช่อง “FOREIGN PASSPORT”

ด่าน ตม. ตรวจคนเข้าเมือง เกาหลี

ก็จะเข้าสู่ขั้นตอนของการตรวจคนเข้าเมือง บริเวณนี้เป็นต้นไปจะห้ามถ่ายรูป ใครสวมแว่น สวมหมวกกรุณาถอดออกก่อนเพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้สวัสดี และทักทายทุกท่าน ให้ยื่น พาสปอร์ต พร้อมทั้ง ใบขาเข้า (Arrival card) (ใบศุลกากรค่อยไปให้อีกทีหลังจากรับกระเป๋าแล้ว) และหากเจ้าหน้าที่ต้องการข้อมูลอะไรเพิ่มเติม เช่น เอกสารการจองที่พัก ก็ให้นำออกมาแสดง ส่วนใหญ่แล้วคนที่ไม่มีพฤติกรรมที่น่าสงสัย เช่น การเข้าออกที่ผิดปกติ หรือมีทีท่าพิรุธ ก็สามารถผ่านตม.เกาหลีไปได้อย่างง่ายดาย (ในเวลาที่รวดเร็ว) เพียงแค่สแกนลายนิ้วมือและถ่ายรูป (ขั้นตอนตรงนี้มีภาษาไทยอธิบายอยู่ในจอ) จากนั้นเจ้าหน้าที่จะพิมพ์แผ่นกระดาษเล็กๆเป็น ใบรับรองการเข้าประเทศ (Entry Confirmation) ให้ ภายในระบุชื่อของเรา, ประเภทวีซ่า และวันที่สามารถท่องเที่ยวอยู่ในเกาหลีได้ แทนการประทับตราลงบนเล่มพาสปอร์ต

Entry confirmation Korea Immigration
ใบรับรองการเข้าประเทศ (Entry confirmation) ที่ระบุระยะเวลาที่สามารถอยู่ในประเทศเกาหลีได้

เมื่อผ่านพ้นตม.เกาหลีที่ขึ้นชื่อว่าโหดกันมาแล้ว ก็ ขอแสดงความยินดีด้วย! เพราะนี่คือเวลาที่คุณจะได้ไปสัมผัสกับชีวิตดั่งในซีรีย์กันแล้ว ภารกิจต่อไปที่ต้องทำก็คือการตามหากระเป๋าของตัวเอง อย่างที่บอกไปเมื่อสักครู่ เมื่อออกจากตม.มาได้แล้ว ก็จะมีป้ายบอกหมายเลขไฟลท์ เวลาที่เครื่องลง และจุดรับกระเป๋าบอกไว้แบบนี้

รับกระเป๋ามาเสร็จเรียบร้อย เดินออกมาในช่องสำแดงของ “Customs Declaration” จะมีพนักงานคอยยืนเก็บเอกสารศุลกากรอยู่ ไม่ต้องยื่นพาสปอร์ตให้ ยื่นแต่ใบนี้ พร้อมกับรอยยิ้ม แล้วเดินออกไปได้เลย~ (เว้นแต่โดนสุ่มตรวจก็ต้องให้ความร่วมมือ)

เดินออกมาแล้ว ก็ไม่มีอะไรแล้ว… นี่คือเกาหลี WELCOME TO KOREA !

สิ่งที่คุณอาจจะต้องทำต่อจากนี้

1.ตามหาห้องน้ำ หากคุณรู้สึกไม่พร้อมกับการแต่งกายที่ไม่เหมาะสม เช็คให้เรียบร้อยเสื้อหนาหรือบางเกินไป, หน้ายังไม่เต็ม หรือต้องเติมลิป หรืออั้นมาตั้งแต่อยู่บนเครื่อง! ก็ทำธุระให้เสร็จสิ้นเสียตั้งแต่ตอนนี้

2.ซื้อบัตรโดยสาร ตั้งใจจะซื้อตั๋วโดยสารท่องเที่ยวแบบไหน ก็เตรียมได้เลย บัตรโดยสารสามารถหาซื้อได้จากร้านสะดวกซื้อ หรือตู้อัตโนมัติ (บัตรโดยสารไหนจะเหมาะกับเรามากที่สุด อ่านได้จากบทความนี้)

3.ตามหารถไฟเข้าเมือง จากสนามบินคุณสามารถตรงเข้าสู่กรุงโซล ใจกลางของเกาหลีได้ทันที เดินลงมาชั้นใต้ดิน จะเป็นทางไปขึ้นรถไฟโดยให้สังเกตป้าย “Airport Railroad” แล้วตามมาเรื่อยๆ

เดินมาจนเห็นจุดจำหน่ายตั๋วโดยสาร ตรงนี้สามารถเติมเงินเข้าบัตรเดินทาง หรือซื้อเป็น ตั๋วเที่ยวเดียว (Single journey) ซื้อเป็นเที่ยวๆไปก็ได้ (แต่แนะนำหาบัตรโดยสารอย่าง T-Money แล้วเติมเงินเดินทางเอา สะดวกกว่าเยอะ)

ซื้อบัตร t money ที่สนามบินอินชอน
สามารถหาซื้อบัตร T-Money ได้ทันทีเมื่อถึงสนามบินอินชอน โดยจะมีจุดจำหน่ายใกล้กับชานชาลา สถานี Incheon International Airport

รถไฟฟ้าสายเข้าเมืองและไปสนามบินนี้จะเรียกว่า “AREX” มีทั้งแบบ จอดทุกป้าย (All Stop train) หรือ รถไฟด่วน (Express train) ที่มุ่งตรงสู่สถานีโซล (Seoul station) ได้เลยโดยไม่จอดแวะสถานีอื่น ระยะเวลาที่ใช้ไปสุดสายจะประมาณ 40~50 นาที

แต่ก่อนจากสนามบินอินชอนรถไฟความเร็วสูง KTX จากสนามบินอินชอนไปต่างจังหวัด ไปเมืองใหญ่ๆอย่าง แดกู (Daegu), ปูซาน (Busan) ได้ แต่ปัจจุบันไม่มีแล้วต้องนั่งรถบัสจากสนามบินหรือนั่งรถไฟสายปกติแทน

จะไปไหนก็เช็คเส้นทางให้แน่ใจ ว่าจะต้องไปลงที่สถานีไหน แล้วก็ไปเติมเงินแตะบัตรเข้าสู่ชานชาลาได้เลย แต่ใครที่ต้องการนั่ง Express Train สามารถซื้อผ่านตู้หรือผ่านพนักงานได้ จุดขึ้นรถไฟจะคนละที่โปรดสังเกตป้ายให้ดีๆ

ป้ายนี้จอดทุกสถานี ใครที่พักอยู่แถวสถานี Hongik University ก็ต้องเข้าตรงนี้
ใครจะนั่งยาว ตรงไปสถานี Seoul ด้วย Express train ให้มาขึ้นตรงนี้ (ซื้อตั๋วผ่านเคาน์เตอร์หรือตู้ในราคา 9,000 วอน)

ความแตกต่างระหว่าง All-stop train และ Express train

ค่าโดยสาร :

  • All-stop train (จอดทุกป้าย) : 4,150 วอน
  • Express train (รถไฟด่วน) : 9,000 วอน (เด็ก 7,000 วอน)

เปรียบเทียบระยะเวลา :
จากสนามบินอินชอน Terminal 1 – สถานีโซล (Seoul station)

  • All-stop train (จอดทุกป้าย) : 58 นาที
  • Express train (รถไฟด่วน) : 43 นาที

สถานีที่แวะจอด : Express train จะไม่หยุดจอดระหว่างทางและมุ่งหน้าตรงไปที่สถานีโซล (Seoul station) ในขณะที่ All stop train จะจอดตามป้ายดังต่อไปนี้

แผนที่ รถไฟ จากสนามบินอินชอน ไปโซล
เส้นทางรถไฟสาย AREX จากสนามบินอินชอนเข้าโซล (Credit : Incheon Int’l Airport)

สิ่งอำนวยความสะดวก : All stop train จะเป็นที่นั่งเหมือนรถไฟฟ้าปกติ คือ มาก่อนได้ก่อน แต่ Express train จะมีหมายเลขที่นั่งกำกับ, มี Wifi ให้บริการฟรี, มีขบวนสำหรับเด็ก, ห้องน้ำ และมีจุดสำหรับวางกระเป๋าเดินทาง จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีกระเป๋าหรือสัมภาระเยอะ รวมไปถึงผู้ที่เดินทางกับผู้สูงอายุต้องการความสะดวกสบาย

ละเอียดขนาดนี้ก็อย่าลืม “เซฟ” และ “แชร์” ให้กับเพื่อนร่วมเดินทางทุกคนด้วยล่ะ ~